ปรากฏในหนังสือธรรมบทภาค 6 เรื่องยมกปาฏิหาริย์ ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษาปีที่ 7 บทสวรรค์ดาวดึงส์ชั้นที่ 2
ประทับที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ทรงแสดงอภิธรรมปิฏกโปรดพระพุทธมารดาจนได้ดวงตาเห็นธรรม
ครั้งถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
ซึ่งเป็นมหาปวารณาออกพรรษา พระพุทธเจ้าตรัสอำลาพระอินทร์
เพื่อเสด็จลงสู่เมืองมนุษย์ พระอินทร์จึงเนรมิตบันได 3
ชนิดได้แก่
1. บันไดทองคำ
อยู่เบื้องขวาเพื่อเทวดาลง
2. บันไดเงิน
อยู่เบื้องซ้ายเพื่อมหาพรหมลง
3. บันไดแก้วมณี
อยู่ตรงกลางเพื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลง
โดยบันไดทั้ง 3
ตั้งอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสนครถิ่นมนุษย์หัวบันไดตั้งอยู่ที่ยอดเขาเนรุราช
บนสวรรค์ดาวดึงส์ ก่อนเสด็จลงพระพุทธเจ้าประทับยืนบนยอดเขา สิเนรุราช
ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ โดยทรงแลดูเบื้องบน ปรากฏว่ามีเนินเป็นอันเดียวกับพรหมโลก
ทรงแลดูข้างล่างก็ปรากฏมีเนินเป็นอันเดียวกัน ตอนนี้เองพวกเทวดา มนุษย์ พรหม ครุฑ
สัตว์นรก ต่างมองเห็นกันเหมือนอยู่เฉพาะหน้า
พระพุทธเจ้าทรงเปล่งรัศมีไปทุกหนทุกแห่ง
ทั้งหมดเกิดจิตใจเลื่อมใสปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าหมดทุกตน
ครั้นแล้วพระพุทธเจ้า
ก็เสด็จลงทางบันไดแก้วมณีตรงกลาง ท้าวมหาพรหมกั้นเศวตฉัตร ท้าวสยามถือพัดวีชนี
พวกเทวดาลงบันไดทองคำเบื้องขาว มีนักฟ้อน นักดนตรีติดตามพวกมหาพรหม
ลงบันไดเงินเบื้องซ้าย มีมาตุลีเทพบุตร ถือดอกไม้ของหอมติดตาม
ครั้งเสด็จถึงประตูเมืองสังกัสสนคร ประทับพระบาทเบื้องขาวก่อนและเรียกสถานที่นี้ว่า
“อจลเจดีย์สถาน” สืบมาประทับดูรอบทิศ ครั้งที่สอง
พวกเทวดา นาค ครุฑ สัตว์นคร ต่างก็ชื่นชม ในพระบารมีของพระพุทธเจ้า
เกิดความเลื่อมใสในบุญกุศลอย่างยิ่ง
ตอนนี้เองจึงเกิดจินตนาการ
มองเห็นปราสามวิมานสวยงามใคร่อยากไปอยู่จึงรู้ชัดว่าการที่จะไปอยู่ปราสามวิมานอันสวยงามนั้น
จะต้องสร้างบุญกุศลประพฤติ ปฏิบัติอยู่ในหลักธรรมคำสอนรักษาศีล ทำบุญใส่บาตร
ให้ทานสร้างปราสาทกองบุญขึ้น ในเมืองมนุษย์เสียก่อน จึงจะได้ไปจุติในเมืองสวรรค์
จากนั้น จึงพากันคิดสร้างสรรค์ ทำปราสามผึ้งให้มีรูปลักษณะคล้ายรูปปราสาท
มีเสามีห้อง มีหน้าพรหม มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
บันไดมียอดมีบนฑปลวดลายวิจิตรสวยงามตามยุคตามสมัยสืบต่อกันมา จนถึงปัจจุบัน
วัดสระพานศรีบ้านพานพัฒนา
ตำบลขมิ้น เขตเทศบาล เป็นหมูบ้านโบราณ หลักฐานได้ขุดพบของวัตถุโบราณมีซากหินแท่นขอมที่วัดแดนโมกษาวดีมีประวัติของหมู่บ้าน
และความเป็นมาของวัด มีความสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ ของเมืองสกลนคร
เมื่อครั้งครัวเรือนของเมืองสกลนคร ถูกกวาดต้อนให้ไปตั้งเมืองที่กบิลบุรี สกลนคร
เป็นเมืองร้าง หมู่บ้านพานได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลอุปฐาก
พระธาตุเชิงชุมร่วมกับหมู่บ้านอื่นๆ เมื่อเข้าพรรษาทางวัดได้ทำเทียนพรรษา
นำมาถวายพรัธาตุเมื่อออกพรรษาก็ได้จัดทำปราสาทผึ้งนำมาถวายองค์พระธาตุ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น