ประวัติบ้านพานพานและบ้านพานพัฒนา
ประวัติความเป็นมาของ “ไทยย้อ” นั้นไม่มีหลักฐานทางเอกสารยืนยันแน่นอนได้
จะสามารถแต่เพียงสอบถามจากปากคำผู้เฒ่าผู้แก่ มีอายุ
จดจำเรื่องราวสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ โดยหลวงปู่เจ้าอาวาสรูปที่ 10 อายุ 92 ปี
ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งเป็นสามเณรน้อยอายุ 11 ปี
หลวงปู่องค์ก่อนเคยอ่านบันทึกตราสารอักษรลาวน้อยใบข่อยโบราณได้ความว่าครั้งแผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๓) ปี พ.ศ. 2381 หลวงปู่สิทธิชัย
นาโคได้ชักชวนลูกหลานอพยพครอบครัว เกวียน ม้า โค กระบือ
ข้ามมาจากเมืองมหาชัยกองแก้วฝั่งซ้ายประเทศลาว มาถึงบริเวณปัจจุบันนี้
มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่านานาชนิด พืชพันธ์ ป่าไม้เบญจพันธ์ อุดมสมบูรณ์
พร้อมซากอิฐ หิน เสมาหิน ต้นโพธิ์ ต้นไทรใหญ่ ท่านจึงกำหนดเขตสร้างวัด
ตั้งหมู่บ้านขึ้นเมื่อวันอังคารขึ้น 13 ค่ำเดือน 5 ปี 2381
พระยาประจันตะประเทศธานี
(ราชวงศ์ดำ) เจ้าเมืองสกลทวาปี มาตรวจภูมิประเทศหัวเมืองตะวันตก
เห็นว่ามีชุมชนหนาแน่นมีพืชไร่อุดมสมบูรณ์ จึงกราบเรียนหลวงปู่สิทธิชัย นาโค
วัดสะพาฯศรี ขออนุฐาตแต่งตั้งท้าวบุญ เป็นราชบุตรสกลทวาปี ชื่อพระศรีบุญญานุรักษ์
มีหน้าที่ช่วยราชวงศ์
ดูแลควบคุมการเก็บรักษาผลประโยชน์ของเมืองและเป็นผู้เก็บเงินส่วย ข้าวเม่า
ข้าวเปลือก น้ำอ้อย ขี้ผึ้ง ผลิตผลการเกษตร ส่งเจ้าพนักงานใหญ่ในหัวเมืองเอก
หรือเมืองหลวง และยกชุมชนนี้ขึ้นเป็นเมืองพานคำ โดยถือเอาบริเวณหนองน้ำใหญ่
มีสัตว์ป่าหลายชนิด อาศัยอยู่โดยเฉพาะอีเก้ง (พานด่อนมีมากที่สุด)
หนองฟานด่อนนี้เปรียบเหมือนสายโลหิตที่หล่อเลี้ยงชีวิตชุมชนแถบนี้ตั้งแต่อดีต
จนถึงปัจจุบันโดยไม่เหือดแห้ง
พระศรีบุญญานุรักษ์
ได้ทนุบำรุงบูรณะสถูปเดิมที่มีก่อนอยู่แล้วให้สูงเพียงตาและได้ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม
สถาปนากำหนดเขควัดมีชื่อว่า “วัดสะพานศรี” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ดังหลักฐานศิลาจารึก และเสมาหินโบราณที่ขุดพบในบริเวณวัด แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า
วัตถุของมีค่าดังกล่าว หลวงปู่เจ้าอาวาสวัดรูปที่ 10 นั้น
ได้นำบรรจุที่หลุมศิลาฤกษ์อุโบสถหลังปัจจุบัน เพราะความไม่รู้คุณค่าของโบราณวัตถุ
ลำดับผู้ปกครองชุมชนวัดสะพานศรี
บ้านพาน,
บ้านพานพัฒนา
1. ท้าวบุญ (จากเมืองมหาชัย)
ได้รับแต่ตั้งบรรดาศักดิ์จากกรรมการเมืองเป็น “พระศรีบุญญานุรักษ์”
2. ท้าวเพี้ยแสง (หนองปลิง) ได้รับแต่ตั้งบรรดาศักดิ์จากกรรมการเมืองเป็น ”ท้าวโบราณวิเศษ”
2. ท้าวเพี้ยแสง (หนองปลิง) ได้รับแต่ตั้งบรรดาศักดิ์จากกรรมการเมืองเป็น ”ท้าวโบราณวิเศษ”
3. ท้าวเพชร
ได้รับแต่ตั้งบรรดาศักดิ์จากกรรมการเมืองเป็น “หลวงปากดี”
4. ท้าวเสน เจียงจาว
4. ท้าวเสน เจียงจาว
5. ท้าวด้วย เข็มใคร
6. ท้าวโม้ เกตุแก้ว
6. ท้าวโม้ เกตุแก้ว
7. ผู้ใหญ่บุญมี เจินเทินบุญ
8. ผู้ใหญ่คูณ เจินเทินบุญ
8. ผู้ใหญ่คูณ เจินเทินบุญ
9. ผู้ใหญ่สุข พานาคา
10. ผู้ใหญ่บง พอพระ
10. ผู้ใหญ่บง พอพระ
11. ผู้ใหญ่สวัสดิ์ ลุนราข
12. ผู้ใหญ่อ่อน พรหมหากุล
12. ผู้ใหญ่อ่อน พรหมหากุล
13. ผู้ใหญ่เดือน เข็มราช
14. ผู้ใหญ่เครือ ศิริชมพู
14. ผู้ใหญ่เครือ ศิริชมพู
15. ผู้ใหญ่เฉลิมชัย คำศรี
จากการเล่าขานสืบต่อกันมาเมืองพานคำ
ได้เจริญรุ่งเรืองมานานเท่าไหร่ ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่นอน
ตาอาศัยลำดับผู้ปกครองชุมชน พอทราบได้ว่าประมาณปี 2405
ประวัติโรงเรียนบ้านพานสหราษฏร์บำรุง เป็นหลักฐานเมื่อปี 2488 ผู้ใหญ่ทิดบุญมี
เจินเทินบุญได้เป็นผู้นำชาวบ้านพาน ถากลางบริเวณที่ตั้งโรงเรียน
สร้างอาคารเรียนเสร็จแล้ว จึงย้ายจากวัดสะพานศรี มาอยู่ที่ปัจจุบันนี้
เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้นการดูแลสุขทุกข์ไม่ทั่วถึง
ทางราชการจึงได้แบ่งเขตปกครองออกเป็น 2 หมู่ โดยถือเอาถนน สายสกลนคร – อุดรธานี เป็นการแบ่งเขตปกครองเพื่อสะดวกแก่การปกครอง และติดต่อราชการ
โดยทิศใต้ ประมาณ 200 ครองครัวเป็นบ้านพานหมู่ 8 บ้านพานทิศเหนือประมาณ 140
ครองครัว เป็นบ้านพานพัฒนา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เป็นต้นมาโดยสายเลือดวัฒนธรรมประเพณี
ยังคงเดิมตั้งแต่อดีดจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น